นวนิยายเล่าถึง “ซิปริอานู อัลกอร์” ชายอายุ 64 ปี มีอาชีพเป็นช่างปั้นดินเผา ก่อนนี้โรงงานเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในบริเวณบ้านยังมีภรรยาคู่ชีวิตเคียงบ่าเคียงไหล่ปั้นถ้วยชามรามไหด้วยกัน แต่เมื่อภรรยาด่วนจากไปอย่างปุบปับคาแป้นปั้นดินเผา ซิปริอานู อัลกอร์ จึงใช้ชีวิตเผาดินปั้นดินอยู่กับลูกสาวผู้เป็นช่างปั้นเหมือนกัน โดยมีลูกเขยผู้ทำงานที่ศูนย์รับส่งและผลิตสินค้าในเมืองคอยจุนเจือเป็นบางโอกาส
ชีวิตแสนเรียบง่ายดำเนินไปด้วยดีและมั่นคง จนกระทั่งศูนย์รับซื้อสินค้าเริ่มลดจำนวนการสั่งของและเรียกให้ช่างปั้นมาขนสินค้าค้างสต๊อกที่ขายไม่ได้ออกไป ความหวั่นใจวิตกกังวลเริ่มคืบคลานเข้ามาในหัวอกซิปริอานู อัลกอร์ และกลายเป็นความเศร้ากินลึกอย่างปฏิเสธไม่ได้ พ่อลูกพยายามหาข้อเสนอใหม่ๆ กับศูนย์รับสินค้า ยอมรับเงื่อนไข ยอมปรับเปลี่ยนลักษณะหรือรูปแบบงาน ดิ้นรนหาลู่ทางเพื่อให้งานฝีมือจากก้อนดินยังมีชีวิตอยู่ได้ต่อไป
.
แต่แล้วกระแสธารของการผลิตแบบโลกสมัยใหม่ก็ถาโถมรุนแรงจนเม็ดดินไม่อาจรวมตัวเป็นดินเหนียวที่แข็งแกร่งได้อีก ช่างปั้นและคนทำงานหัตศิลป์อื่นๆ ต้องหาที่ทางวางมือและวางผลิตผลทิ้งไว้ อาจเป็นโพรงไม้หรือไม่ก็โพรงถ้ำ สถานที่ที่ไม่มีใครคิดจะมาอยู่อาศัยหรือใส่ใจ สถานที่ที่เป็นที่กังขาว่าต่อให้มีทางเข้าไป แต่มีทางออกหรือไม่ อย่างไรกัน